วันที่ 3 พฤศจิกายน 64 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ประยุทธ์ จันทร์โอชา แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการเข้าร่วมการประชุมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของสหประชาชาติ (COP26) ครั้งที่ 26 ที่กลาสโกว์ สหราชอาณาจักรระบุว่าสุขภาพโลกกำลังป่วย ประเทศไทยอยู่ในกลุ่มที่ 9 โดยที่กรุงเทพฯ ต้องเผชิญกับน้ำท่วมและการทรุดตัว
นายกฯ โพสต์ข้อความว่า “โลกกำลังป่วย” นั่นไม่ใช่การพูดเกินจริงแต่อย่างใด ไม่ใช่แค่วิกฤตโควิดที่กำลังคุกคามโลก ส่งผลอย่างมากต่อคนไทย ทุกอาชีพ ทุกวัย และมีความรู้มาก
นอกเหนือจากนั้น “ภาวะโลกร้อน” เป็นอีกหนึ่งภัยเงียบที่แผดเสียงคำรามขึ้นทุกวัน จน Code Red กระทบกระเทือนธรรมชาติที่เรามองเห็นได้ชัดเจน “ภารกิจเพื่อมนุษยชาติ” ร่วมกันในการประชุมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งสหประชาชาติ (COP26) ครั้งที่ 26 ในเมืองกลาสโกว์สหราชอาณาจักร
คุณรู้หรือไม่ว่าหากอุณหภูมิเฉลี่ยทั่วโลกสูงขึ้นเพียง 2 องศาเซลเซียส ระดับน้ำทะเลเฉลี่ยทั่วโลกจะเพิ่มขึ้น 1.1 เมตร และก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อเมืองต่างๆ ทั่วโลก
รวมทั้งกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยจากน้ำท่วมชายฝั่งและการทรุดตัว คาดว่าประเทศไทยจะเป็นประเทศที่ใหญ่เป็นอันดับเก้าของโลกที่ได้รับผลกระทบจากภาวะโลกร้อน ยังคงมีความเสี่ยงต่อการเกิดอุทกภัย ภัยแล้ง และพายุรุนแรงที่ส่งผลกระทบต่อพืชผล และความดีของคนไทยทุกคน
ฉันดูการประชุม COP26 ครั้งนี้ถือเป็นภารกิจสำคัญสำหรับเด็กและอนาคตของประเทศไทย หากเราไม่เริ่มทำการเปลี่ยนแปลงในวันนี้ วันถัดไปอาจสายเกินไป รัฐบาลต่างตระหนักดีถึงภัยคุกคามทางธรรมชาติที่ร้ายแรงนี้มานานแล้ว และพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้
ต้องมีวาระด้านสิ่งแวดล้อมที่สำคัญในการประชุมคณะรัฐมนตรีทุกครั้ง รวมถึงการเร่งติดตามโครงการและการแนะนำโครงการใหม่เพื่อป้องกันปัญหาในอนาคต
การค้นพบที่สำคัญที่ฉันต้องการแบ่งปันกับคุณคือ เราสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ ในภาคพลังงานและการขนส่ง 17.49% ของตัวเลขปกติ หรือเทียบเท่า 64.20 ล้านตัน คิดเป็น
คาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าภายในปี 2019 ซึ่งสูงกว่าเป้าหมาย 2 เท่าและเร็วกว่าที่วางแผนไว้ 1 ปี แต่เราไม่อาจพอใจกับสิ่งนั้นได้
รัฐบาลจึงตกลงที่จะขับเคลื่อนนโยบายไปข้างหน้า “บีซีจี” อย่างเต็มกำลัง นี่คือแนวคิดของเศรษฐกิจหมุนเวียนชีวภาพและเศรษฐกิจสีเขียวที่จะเป็นส่วนสำคัญของยุทธศาสตร์ชาติ
ผมได้นำเสนอนโยบายนี้ต่อผู้นำโลกในการประชุม COP26 ครั้งนี้ และกระตุ้นให้กลายเป็นวาระหลักของการประชุมเอเปกที่จะจัดขึ้นในประเทศไทยในปีหน้า
นอกจากนี้ รัฐบาลยังมุ่งมั่นที่จะใช้พลังงานสะอาด พลังงานทางเลือก เช่น สวนพลังงานแสงอาทิตย์ ไบโอดีเซลแทนเชื้อเพลิงฟอสซิล ในรูปแบบเดิมที่ก่อให้เกิดมลพิษและสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ โซลูชั่นที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมช่วยแก้ปัญหาวิกฤตการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เช่น การผลิตและการส่งเสริมรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในประเทศมากขึ้น เป็นต้น
ภารกิจลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและแก้ไขปัญหาโลกร้อนนี้ เป็นภารกิจที่มีมาช้านานที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกัน ทั้งภาครัฐ เอกชน ภาคประชานิยม ภาควิชาการ และพวกเราทุกคน โดยเฉพาะพลังงานบริสุทธิ์ของ เยาวชน. เพื่อทำงานร่วมกับนโยบายของรัฐบาลผ่านกลไกและรูปแบบต่างๆ เช่น การสร้างความตระหนักรู้ถึงภาวะโลกร้อนที่ร้ายแรง และจิตสำนึกสีเขียวที่รักและเห็นคุณค่าของสิ่งแวดล้อม ให้ความรู้เพื่อสร้างนวัตกรรมบนพื้นฐานของความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยความสมดุลระหว่างการป้องกันและการไม่ทำลายล้าง สิ่งที่รอไม่ได้แล้ว ตั้งแต่วันนี้ ทุกคนต้องร่วมมือกัน เพื่ออนาคตของโลกและเพื่อลูกหลานของเราทุกคน