ประวัติ “สมพร ใช้บางยาง” จากราชสีห์ดำ สู่ราชันย์ นายกสมาคมกีฬาวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทย

อาศัยอยู่ของ สมพร ไชยบางยาง นายกสมาคมวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทย เปรียบเสมือนมหากาพย์ที่ผสมผสานความเข้มข้นของเกมวอลเลย์บอลเข้ากับความท้าทายของฝ่ายบริหารภาครัฐ เขาเป็นคนที่ทำให้ประเทศไทยมีชื่อเสียงไม่เพียงแต่ในฐานะผู้นำที่มีความสามารถเท่านั้น แต่เขาก็ยังเป็นคนที่ช่วยพาวงการวอลเลย์บอลไทยไปสู่ระดับโลกอีกด้วย

จากรั้วจามจุรีสิงหะดำถึงเส้นทางราชการ

สมพร ไชยบางยาง เกิดเมื่อวันที่ 7 กันยายน พ.ศ.2493 เขาเริ่มต้นชีวิตนักศึกษาด้วยการเรียนที่คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีและปริญญาโทจากหน่วยงานราชการซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ตนมีความรู้ความสามารถในการเป็นผู้นำองค์กร

เส้นทางอย่างเป็นทางการของสมพรชัยบังยางเริ่มต้นในตำแหน่งเล็กๆ แต่ด้วยความมุ่งมั่นและทักษะ เขาได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำหลายตำแหน่ง รวมถึงการเป็นสมาชิกสภามหาวิทยาลัยต่างๆ รองผู้ว่าราชการจังหวัดต่างๆ ดังนี้

  • รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา
  • รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี (2540-2542)
  • รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา (2542)
  • ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี (2544)
  • ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา (2546)

และอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นถึงตำแหน่งสูงสุดรองปลัดกระทรวงมหาดไทย

นำทีมยางพาราไทยสู่เวทีโลก

นอกจากความสำเร็จในราชการแล้ว สมพร ชัยบางยัง ยังมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาวงการวอลเลย์บอลไทยอีกด้วย เมื่อปี พ.ศ. 2554 ทรงเข้ารับตำแหน่งนายกสมาคมวอลเลย์บอลไทยและยังคงดำรงตำแหน่งนี้มาจนถึงทุกวันนี้

ภายใต้การนำของเขา วอลเลย์บอลหญิงไทยมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง วอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทยคว้าแชมป์เอเอฟซีเอเชีย ครั้งที่ 2 และ 3 ที่จังหวัดโคราช บ้านเกิดของสมพร และยังสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการเอาชนะทีมยักษ์ใหญ่ระดับโลกอีกด้วย ในรอบคัดเลือกวอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์โลก, เนชั่นส์ลีก และโอลิมปิกเกมส์

สมพร ไชยบางยาง ไม่ใช่แค่ผู้นำที่มีความสามารถเท่านั้น แต่ยังเป็นคนที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล เขาผลักดันให้มีการพัฒนาระบบเยาวชน สร้างนักกีฬารุ่นใหม่ที่มีศักยภาพและยกระดับมาตรฐานการแข่งขันวอลเลย์บอลในประเทศไทย

ความสำเร็จในกีฬาวอลเลย์บอลไทย เกิดจากการวางรากฐาน ไม่ใช่โชคช่วย

นายสมพร ไชยบางยาง เคยให้สัมภาษณ์กับ Stadiumth เมื่อปี 2565 ว่าความสำเร็จของวอลเลย์บอลหญิงไทยในทศวรรษที่ผ่านมาเป็นผลมาจากความมุ่งมั่นของทุกฝ่ายในสมาคม โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะยกระดับวอลเลย์บอลไทยไปสู่ระดับโลก แต่เป็นผลจากการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและเป็นระบบ

เริ่มจากการค้นหานักกีฬาหน้าใหม่ที่มีศักยภาพ การฝึกซ้อมอย่างเข้มข้นภายใต้การดูแลของโค้ชมากความสามารถเพื่อส่งนักกีฬาไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในลีกต่างประเทศ ทั้งหมดนี้ ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้วอลเลย์บอลหญิงไทยก้าวไปสู่ระดับท็อปของเอเชียและระดับโลก

สมพร เล่าถึงจุดเริ่มต้นการพัฒนาวอลเลย์บอลไทยเมื่อ 30 กว่าปีที่แล้ว พ.ศ. 2528 สมาคมได้แต่งตั้ง “พิศาล มูลสัตรสาธร” ซึ่งในขณะนั้นเป็นรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย มาเป็นประธานสโมสร แม้ว่าทีมผู้บริหารจะเพียบพร้อมแต่สโมสรก็ยังประสบปัญหาทางการเงินครั้งใหญ่ เขาเกือบจะถูกแยกออกจากการเป็นสมาชิกสมาคมวอลเลย์บอลแห่งเอเชียเนื่องจากยังไม่ได้ชำระค่าธรรมเนียมสมาชิก

โชคดีที่ผมได้รับความช่วยเหลือจากประธานสมาคมวอลเลย์บอลสิงคโปร์ ทำให้ประเทศไทยสามารถรักษาสถานะสมาชิกและพัฒนาอุตสาหกรรมวอลเลย์บอลได้จนถึงทุกวันนี้

หลังจากจุดเริ่มต้นที่ยากลำบาก สมาคมฯ ก็พยายามที่จะเพิ่มความนิยมของกีฬาวอลเลย์บอล มีการแข่งขันอย่างต่อเนื่องในประเทศ ส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนสนใจและมีส่วนร่วมในกีฬาวอลเลย์บอลมากขึ้น จนถึงขณะนี้วอลเลย์บอลหญิงไทยได้กลายเป็นหนึ่งในทีมที่ดีที่สุดในโลก สามารถคว้าแชมป์เอเชียได้หลายครั้งและเสริมสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยในการแข่งขันระดับนานาชาติซึ่งถือเป็นความสำเร็จที่น่าภาคภูมิใจและเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นของสโมสร ในการพัฒนาวอลเลย์บอลไทยอย่างต่อเนื่อง

ชีวิตที่อุทิศให้กับแผ่นดิน

ตลอดชีวิตการทำงาน สมพร ไชยบางยางได้รับพระราชทานยศอันทรงเกียรติสูงสุดในหลายระดับ รวมทั้งได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์สาขารัฐศาสตร์ เอกรัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ถือเป็นข้อพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นและความทุ่มเทของเขาที่มีต่อประเทศชาติ

– ปี 2528 ตรีทพร ช้างเผือก
– ปี พ.ศ. 2531 ทวียพร มกุฎราชกุมารแห่งประเทศไทย
– ปี 2535 ทวียพร ช้างเผือก
– ปี พ.ศ. 2538 มกุฎราชกุมารแห่งประเทศไทย
– ปี 2541 ประถมพร ช้างเผือก
– ปี พ.ศ.2544 มหาวชิรมงกุฎ
– ปี 2000 เหรียญจักรพรรดิมาลา
– ปี 2550 กนง. (มหาปรมาภรณ์ ช้างเผือก)

ชีวิตของสมพร ไชยบันยังคือแรงบันดาลใจให้กับคนไทยทุกคน เขาเป็นตัวอย่างของคนที่ประสบความสำเร็จทั้งในด้านอาชีพการงานและการมีส่วนช่วยเหลือสังคม เขาคือบุคคลที่สมควรได้รับการยกย่องและยกย่องให้เป็น “ราชาแห่งวอลเลย์บอลไทย”